ศิลปวัฒนธรรมของจีน
จิตรกรรม
มีวิวัฒนาการมาจากการเขียนตัวอักษรจีนจารึกบนกระดูกเสี่ยงทายเพราะตัวอักษรจีนมีลักษณะเหมือนรูปภาพงานจิตรกรรมจีนรุ่งเรืองมากในสมัยราชวงศ์ฮั่น
มีการเขียนภาพและแกะสลักบนแผ่นหิน ที่นิยมมากคือ การเขียนภาพบนผ้าไหม ภาพวาดเป็นเรื่องเล่าในตำราขงจื๊อพระพุทธศาสนาและภาพธรรมชาติสมัยราชวงศ์ถัง
มีการพัฒนาการใช้พู่กันสีและกระดาษภาพส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาและลัทธิเต๋า
ประติมากรรม
ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปั้นดินเผามีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์
ทำจากดินสีแดง มีลวดลาย แดง ดำ และขาวเป็นลวดลายเรขาคณิต
สมัยราชวงศ์ชาง มีการแกะสลักงาช้าง
หินอ่อน และหยกตามความเชื่อและความนิยมของชาวจีน ที่เชื่อว่า หยก
ทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความสุขสงบ ความรอบรู้ ความ กล้าหาญ
ภาชนะสำริดเป็นหม้อสามขา
สมัยราชวงศ์ถัง
มีการพัฒนาเครื่องเคลือบดินเผาเป็นเคลือบ 3 สีคือ เหลือง น้ำเงิน เขียว
ส่วนสีเขียวไข่กามีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์ซ้อง
ส่วนพระพุทธรูปนิยมสร้างในสมัยราชวงศ์ถัง ทั้งงานหล่อสำริดและแกะสลักจากหิน
ซึ่งมีสัดส่วนงดงาม
เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะอินเดียและจีนที่มีลักษณะเป็นมนุษย์มากกว่าเทพเจ้า
นอกจากนี้มีการปั้นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม
สมัยราชวงศ์เหม็ง
เครื่องเคลือบได้พัฒนาจนกลายเป็นสินค้าออก คือ เครื่องลายครามและลายสีแดง
ถึงราชวงศ์ชิง เครื่องเคลือบจะนิยมสีสันสดใส เช่น เขียว แดง ชมพู
สถาปัตยกรรม
กำแพงเมืองจีน สร้างในสมัยราชวงศ์จิ๋น
เพื่อป้องกันการ รุกรานของมองโกล
เมืองปักกิ่ง สร้างในสมัยราชวงศ์หงวน
โดยกุบไลข่าน ซึ่งได้รับการยกย่องทางด้านการวาง ผังเมือง
ส่วนพระราชวังปักกิ่งสร้างในสมัยราชวงศ์เหม็ง
พระราชวังฤดูร้อน
สร้างในสมัยราชวงศ์เช็ง โดยพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างยุโรปและจีนโบราณ
วรรณกรรม
สามก๊ก
สันนิษฐานว่าเขียนในคริสต์ศตวรรษที่ 14
เป็นเรื่องราวของความแตกแยกในจีนตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศจิ๋นจนถึงราชวงศ์ฮั่น
ซ้องกั๋ง
เป็นเรื่องประท้วงสังคม เรื่องราวความทุกข์ของผู้คนในมือชนชั้นผู้ปกครอง
สะท้อนความทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองของพวกมองโกล
หงโหลวเมิ่ง
หรือ ความฝันในหอแดง เด่นที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 18
เรื่องราวเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี อิจฉาริษยากัน
ผู้อ่านจะรู้สึกเศร้าสลดต่อชะตาชีวิตของพระเอกนางเอกเนื้อเรื่องสะท้อนให้เห็นสังคมศักดินาของจีนที่กำลังเสื่อมโทรมก่อนการเปลี่ยนแปลงสังคมเข้าสู่ยุคใหม่
บันทึกประวัติศาสตร์ ของ สื่อหม่าเฉียน
อารยธรรมจีนแผ่ขยายขอบข่ายออกไปอย่างกว้างขวางทั้งในเอเชียและยุโรป
อันเป็นผลมาจากการติดต่อทางการทูต การค้า การศึกษา ตลอดจนการเผยแผ่ศาสนา
อย่างไรก็ตามลักษณะการถ่ายทอดแตกต่างกันออกไป
ดินแดนที่เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของจีนเป็นเวลานาน เช่น เกาหลี และเวียดนาม
จะได้รับอารยธรรมจีนอย่างสมบูรณ์ ทั้งในด้านวัฒนธรรม การเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี
การสร้างสรรค์ และการแสดงออกทางศิลปะ ทั้งนี้เพราะราชสำนักจีนจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและบังคับให้ประเทศทั้งสองรับวัฒนธรรมจีนโดยตรง
การถ่ายทอดอารยธรรมจีนสู่ดินแดนต่างๆ
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อารยธรรมจีนได้รับการยอมรับในขอบเขตจำกัดมาก ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ
การยอมรับระบบบรรณาการของจีน
ในเอเชียใต้
ประเทศที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับจีนอย่างใกล้ชิด คือ อินเดีย
พระพุทธศาสนามหายานของอินเดียแพร่หลายเข้ามาในจีนจนกระทั่งเป็นศาสนาสำคัญที่ชาวจีนนับถือ
นอกจากนี้ศิลปะอินเดียยังมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ศิลปะบางอย่างของจีน เช่น
ประติมากรรมที่เป็นพระพุทธรูป
ส่วนภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลางนั้น
เนื่องจากบริเวณที่เส้นทางการค้าสานแพรไหมผ่านจึงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางนำอารยธรรมตะวันตกและจีนมาพบกัน
อารยธรรมจีนที่เผยแพร่ไป เช่น การแพทย์ การเลี้ยงไหม กระดาษ การพิมพ์ และดินปืน
เป็นต้น ซึ่งชาวอาหรับจะนำไปเผยแพร่แก่ชาวยุโรปอีกต่อหนึ่ง