อารยธรรมอิสลาม เป็น อารยธรรมที่เป็นผลมาจากอิทธิพลของศาสนาอิสลาม อารยธรรมอิสลามมีแหล่งกำเนิดในคาบสมุทรอาระเบีย ต่อมาได้ถูกเผยแผ่ไปยังภูมิภาคอื่นๆของทวีปเอเชีย แอฟริกา และยุโรป ผ่านการค้า การสงคราม และการเผยแผ่ศาสนาอิสลามโดยพวกนักสอนศาสนาที่เดินทางไปยังดินแดนต่างๆ อารยธรรมอิสลามที่สำคัญ เช่น สถาปัตยกรรม จิตรกรรม วิทยาการความรู้แขนงต่างๆ ทั้งคณิตศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ ภูมิศาสตร์อักษรศาสตร์ ปรัชญา เป็นต้น
จุดเด่นของอารยธรรมอิสลามมีดังต่อไปนี้
1. อารยธรรมด้านการศรัทธา คือการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อคัมภีร์ของพระองค์ ต่อศาสนทูตของพระองค์ อารยธรรมอิสลาม เมื่อนำเอาการศรัทธามาเป็นพื้นฐานหลัก แน่นอนย่อมมีเป้าหมายในคุ้มครองดูแลสถานภาพของตัวเอง ด้วยกำแพงแห่งความเที่ยงธรรมในด้านจิตวิญญาณ โดยเฉพาจรรยาบรรณอันทรงเกียรตินั้นถือได้ว่าเป็นสารัฐถะหรือแก่แท้ของศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะจะไม่มีผลดีใด ๆ ในวิทยาการที่ไร้ซึ่งจรรยา ซึ่งทุกศาสนาที่มาจากอัลลอฮ์นั้น ย่อมมีความสอดคล้องกันในการใช้ให้ปฏิบัติคุณงามความดี หลีกหนีจากกระทำความชั่ว การศรัทธาในอิสลามนั้น ไม่ได้ขัดกับสติปัญญา เพราะอิสลามได้ดำเนินอยู่บนพื้นฐานของการใช้สติปัญญาในเรื่องศรัทธาไปจนกระทั่งการ ศรัทธานั้นเด็ดเดี่ยวมั่นคง ถึงแม้ว่าอารยธรรมอิสลามจะเน้นเรื่องการศรัทธา แต่มันมิได้ยกเลิก หรือละเลย ในเรื่องของวัตถุ แถมยังให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่เนื่องจากมันเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเจริญ
2. อารยธรรมด้านความเจริญก้าวหน้า ไม่มีการชะงักงันและไม่ล้าหลัง อิสลามได้ให้กำเนิดอารยธรรมนี้ขึ้นมา และได้เจริญเติบโตขึ้น ด้วยการต่อต้านสิ่งอธรรม การเอารัดเอาเปรียบ การชะงักงัน ความล้าหลัง อิสลามมิได้ห้ามมุสลิมนำเอาสิ่งใหม่ ๆ หากสิ่งนั้นไม่ขัดต่อศาสนา รูปแบบ จริยธรรมของอิสลาม คำกล่าวอ้างของผู้ที่ต้องการทำลายอิสลามที่กล่าวว่าการศรัทธานั้นขัดต่อเป้าหมายความยุติธรรมของสังคม คำอ้างดังกล่าวนั้นมันไม่เป็นความจริง แท้จริงรูปแบบความยุติธรรมของสังคมจะไม่สมบูรณ์ นอกจากจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของการศรัทธาเท่านั้น อันศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้านั้น ทุกศาสนาเรียกร้องไปสู่การเห็นอกเห็นใจกัน คนมั่งมีจะต้องจุนเจือคนขัดสนหรือ คนยากจนอนาถา ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงบัญญัติการจ่ายซากาตเหนือมุสลิมที่มีความสามารถ
3. อารยธรรมที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและเปิดกว้าง กล่าวคืออารยธรรมอิสลามมิได้ปิดตัวเอง ทว่าเป็นอารยธรรมที่ยืดหยุ่น มีทั้งการให้และการรับ อารยธรรมอิสลามได้ให้เกียรติต่อมรดกของกลุ่มกราบไหว้รูปปั้น ในวิชาและศิลปะแขนงต่างๆ และไม่ได้ยึดติดอยู่กับมรดกเหล่านั้นเพียงแต่วัตถุเหมือนกับการกระทำของบาทหลวงของคริสในช่วงแรกของสมัยกลาง อารยธรรมอิสลามเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่มีอยู่ในมรดกของอารยธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อารยธรรมของกรีก เปอร์เซีย อินเดียและอารยธรรมอื่น ๆ ในขณะเดียวกันอารยธรรมอิสลามมีจุดยืนที่ประนีประนอมต่อ อารยธรรมของยิว และคริสเตียน
4. อารยธรรมที่รักสันติ ภายใต้ร่มเงาของสันติภาพนั้น เกิดการก่อสร้าง การประดิษฐ์ และการบูรณะ และภายใต้สันติภาพเช่นกัน มนุษย์รู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และครอบครัว ซึ่งเป็นผลที่นำไปสู่การงาน การผลิตอย่างมั่นคง อิสลามจะทักทายกันด้วยสันติภาพ แท้จริงนักวิจัยได้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า ประเทศและภูมิภาคใดก็ตามได้ปกครองโดยอิสลาม และได้เติบโตภายใต้อารยธรรมอิสลาม ชีวิตของราษฎรในประเทศหรือภูมิภาคเหล่านั้น จะอยู่อย่างเรียบง่าย ปลอดภัย อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของพวกเขา กระทั่ง นักบูรพาคดีบางคนได้ให้ความสมญานามว่า สันติภาพคืออิสลาม ถึงแม้ว่าอิสลามจะมีความยึดมั่นกับวิญญาณแห่งสันติภาพ แต่ก็มิได้ขัดต่อการรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของมุสลีมีน
หลักธรรมที่สำคัญของศาสนาอิสลาม
1. หลักศรัทธา 6 ประการ คำว่าศรัทธาสำหรับชาวมุสลิม หมายถึง ความเชื่อมั่นด้วยจิตใจโดยปราศจากการระแวงสงสัยหรือการโต้แย้งใดๆ หลักศรัทธาในศาสนาอิสลามมี 6 ประการ คือ
1) ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ชาวมุสลิมต้องศรัทธาต่อพระอัลลอฮ์แต่เพียงพระองค์เดียว
2) ศรัทธาในบรรดามลาอีกะฮฺ ว่ามีจริง คำว่า “มลาอีกะฮฺ” หมายถึง ทูตสวรรค์หรือเทวทูตของพระเจ้า เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับศาสดา เป็นวิญญาณที่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้และมีจำนวนนับไม่ถ้วน
3) ศรัทธาในคัมภีร์อัลกุรอาน
4) ศรัทธาในบรรดาศาสนทูต ในคัมภีร์อัลกุรอานกล่าวถึงศาสนทูตว่ามีทั้งหมด 25 ท่าน ท่านแรก คือ นบีอาดัม และท่านสุดท้ายคือ นบีมุฮัมมัด
5) ศรัทธาในวันพิพากษา มุสลิมต้องเชื่อว่าโลกนี้ไม่จีรัง ต้องมีวันแตกสลายหรือมีวันสิ้นโลก
6) ศรัทธาในกฎสภาวะ (ลิขิต) ของพระเจ้า ชาวมุสลิมเชื่อว่าพระเจ้าได้ทรงกำหนดกฎอันแน่นอนไว้ 2 ประเภท คือ กฎที่ตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทุกสิ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เช่น การถือกำเนิดชาติพันธุ์ รูปร่างหน้าตา ฯลฯ และกฎที่ไม่ตายตัว เป็นกฎที่ดำเนินไปตามเหตุผล เช่นทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งพระเจ้าได้ประทานแนวทางชีวิตที่ดีงามพร้อมกับสติปัญญาของมนุษย์ ดังนั้นมุสลิมทุกคนต้องพยายามทำให้ดีที่สุด
2. หลักปฏิบัติ 5 ประการ หลักปฏิบัติ คือ พิธีกรรมเพื่อให้เข้าสู่ความเป็นมุสลิมโดยสมบูรณ์ ซึ่งชาวมุสลิมต้องปฏิบัติศาสนกิจพร้อมทั้ง 3 ทาง คือ กาย วาจา และใจ อันถือเป็นความภักดีตลอดชีวิต หลักปฏิบัติ 5 ประการ มีดังนี้
1) การปฏิญาณตน ชาวมุสลิมทุกคนต้องปฏิญาณตนยอมรับความเป็นพระเจ้าองค์เดียวของพระอัลลอฮ์และยอมรับในความเป็นศาสนทูตของท่านนบีมุฮัมมัด
2) การละหมาด การทำละหมาด หมายถึงการนมัสการพระเจ้าทั้งร่างกายและจิตใจวันละ 5 ครั้ง ได้แก่ เวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เวลากลางวัน เวลาบ่าย เวลาพลบค่ำ และเวลากลางคืน การทำละหมาดเริ่มเมื่ออายุได้ 7 ขวบ จนถึงขั้นสิ้นชีวิต ยกเว้นหญิงขณะมีรอบเดือน
3) การถือศีลอด คือการละเว้น ยับยั้งและควบคุมตน โดยงดการบริโภคอาหาร น้ำดื่ม และร่วมประเวณี ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดินเป็นเวลา 1 เดือน ในเดือนรอมฎอน (เดือน 9 ทางจันทรคติของอิสลาม) การถือศีลอดเป็นหน้าที่ของชาวมุสลิมทุกคนที่อายุครบ 15 ปี เป็นต้นไป แต่ผ่อนผันในกรณีหญิงขณะมีรอบเดือนและหลังคลอด บุคคลในระหว่างเดินทาง หญิงมีครรภ์ แม่ลูกอ่อน บุคคลที่มีสุขภาพไม่ปกติ มีโรคภัย คนชรา และบุคคลที่ทำงานหนัก
4) การบริจาคซะกาต หมายถึง การบริจาคทรัพย์เพื่อขัดเกลาจิตใจของผู้บริจาคให้สะอาดบริสุทธิ์ลดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ให้มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
5) การประกอบพิธีฮัจญ์ หมายถึง การเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือจาริกแสวงบุญ ณ วิหารอัลกะฮ์ และสถานที่ต่างๆ ในนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยให้ปฏิบัติเฉพาะบุคคลที่มีความสามารถเท่านั้น